วัคซีนเด็กอายุ 5 – 11 ปีในไทย ใช้สูตรไหนคนในโซเชียลถาม

ฉีดวัคซีนโควิด เป็นหนึ่งแนวทางการป้องกันการป่วยหนัก การนอนโรงพยาบาล และการเสียชีวิตจากการแพร่ระบาดที่กำลังเกิดขึ้น ในตอนนี้ไม่เพียงแค่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่จะได้รับ แต่มาตรการล่าสุด ‘วัคซีนเด็ก’ สำหรับเด็กอายุ 5 – 11 ปีในไทยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เด็กอายุ 5 – 11 ปี ใช้วัคซีนสูตรอะไร ใครได้ฉีดก่อน
ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเปิดแผนฉีดวัคซีนเด็กที่มีอายุระหว่าง 5 – 11 ปี นั่นเลยทำให้หลายคนเกิดคำถามว่าจริง ๆ แล้ววัคซีนที่ฉีดให้เด็กเป็นตัวเดียวกับที่ฉีดให้ผู้ใหญ่หรือไม่ ใช้สูตรอะไร แล้วจะมีความปลอดภัยขนาดไหน โดยที่ผ่านมาได้มีการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุระหว่าง 12 – 17 ปีในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันกลุ่มเด็กอายุ 5 – 11 ปีในต่างประเทศ พบว่ามีอัตราการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการฉีดวัคซีนให้เด็กกลุ่มนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นไม่ต่างจากผู้ใหญ่

สำหรับกลุ่มเด็กที่จะได้เข้ารับวัคซีนก่อน จะใช้หลักการเหมือนของผู้ใหญ่ คือการเริ่มที่กลุ่มเป้าหมายเด็กที่มีโรคประจำตัว ตั้งเป้าไว้ทั้งหมด 11.6 ล้านโดส แบ่งเป็นแอสตร้าเซนเนก้า 8 ล้านโดส ไฟเซอร์ 3.6 ล้านโดส ในจำนวนนี้กลุ่มเด็กอายุ 5 – 11 ปีที่มี 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และเด็ก ป.5 – 6 (เข็ม 1) จำนวน 1 ล้านราย โดยใช้สูตรฉีดไฟเซอร์ – ไฟเซอร์ (ฝาส้ม) จำนวน 1 ล้านโดส โดย Pfizer ฝาสีส้ม จากบริษัทผู้ผลิตในทวีปเอเชีย ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 2 ถัดจากประเทศสิงคโปร์ ที่จะได้รับการส่งมอบ วัคซีน Pfizer ฝ่าสีส้มในเด็ก 5-11 ขวบ โดยจะเริ่มเข้ามาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา และทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
คำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิดในเด็ก
ซึ่งการฉีดวัคซีนเด็ก 1 ขวดที่บรรจุ 1.3 มิลลิลิตร เมื่อผสมกับน้ำเกลือจะมีขนาด 2.6 มิลลิลิตร ทำให้วัคซีนจำนวน 1 ขวด สามารถจะฉีดให้กับเด็กได้มากถึง 10 คน แบ่งเป็นคนละ 0.2 มิลลิลิตร และบริษัทฯยังมีการพัฒนาวัคซีนสามารถเก็บรักษาได้นานหลังผสมน้ำเกลือในอุณหภูมิ 2 – 8 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 10 สัปดาห์ จากเดิมที่เคยเก็บได้เพียง 4 สัปดาห์เท่านั้น
โดยคำแนะนำการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สูตรสำหรับเด็ก (ฝาสีส้ม) จากราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เด็กอายุ 5 – 11 ปี ให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ขนาด 10 ไมโครกรัม ปริมาณ 0.2 มิลลิลิตร เข้ากล้าม 2 ครั้ง ห่างกันประมาณ 3 – 12 สัปดาห์ โดยระยะห่าง 8 – 12 สัปดาห์ จะดีกว่า 3 – 4 สัปดาห์ เนื่องจากได้รับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่า และมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่านั่นเอง

ในตอนนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีการเปิดเผยไทม์ไลน์ การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5 ปีไม่เกิน 12 ปี (11 ปี 11 เดือน 29 วัน) เข็มที่ 1 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป และเข็มที่ 2 ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป ในส่วนของคำแนะนำในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ สูตรสำหรับเด็กอายุ 5 – 11 ปี (ฝาสีส้ม) ของกระทรวงสาธารณะสุข จะให้คำแนะนำการฉีดไว้ ดังนี้
- ระยะห่างระหว่างเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 เป็นเวลา 8 สัปดาห์
- สูตรสำหรับฉีดผู้ใหญ่และเด็กมีความแตกต่างกันในแต่ละสถานพยาบาล ควรมีการแยกจุดฉีดหรือโต๊ะฉีดให้ชัดเจน ระหว่างฝาสีม่วงของผู้ใหญ่และฝาสีส้มของเด็ก
แต่ทั้งนี้การฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5 – 11 ปีที่มีโรคประจำตัว จะต้องได้รับการยอมรับจากผู้ปกครอง และจะต้องดูจากจำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรร ความพร้อมของบุคลากร รวมไปถึงกุมารแพทย์ที่ให้การดูแลในแต่ละจังหวัด เพื่อให้การดำเนินการมีความรวดเร็วและปลอดภัย สำหรับขั้นตอนการเข้ารับวัคซีน มีดังนี้
- การคัดกรอง ในส่วนนี้กุมารแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน หากกำลังมีไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย หรือโรคประจำตัวมีอาการรุนแรงขึ้น อาการไม่คงที่ จะให้ชะลอการฉีดออกไปก่อน
- การลงทะเบียน จะต้องมีการเซ็นใบยินยอมของผู้ปกครอง
- การฉีดวัคซีนควรจัดสถานที่มิดชิด มีม่าน ฉากกั้น หรือฉีดในห้อง เพื่อลดผลกระทบด้านจิตใจ เนื่องจากเด็กเล็กเมื่อเห็นเด็กถูกฉีดแล้วร้อง อาจเกิดอุปทานหมู่ ทำให้การฉีดดำเนินการยากขึ้น
- หลังฉีดวัคซีนนั่งรอดูอาการ 30 นาที เมื่อกลับบ้านแล้วไม่ควรออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ใช้แรง 1 สัปดาห์
ทั้งนี้หากมีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นสำหรับการฉีดวัคซีนเด็กอายุ 5 – 11 ปี จะต้องนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน เพื่อให้แพทย์ตรวจสอบและพิจารณาอาการที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ในระหว่างนี้ผู้ปกครองควรเลือกทำประกันสุขภาพให้เด็กตั้งแต่เนิ่น ๆ หากเด็กเกิดความเสี่ยงใด ๆ ขึ้นมาจะได้เข้ารับการรักษาแบบทันการ